วันที่ 22 ม.ค. 67 เมื่อเวลา 09.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานระนอง ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เพื่อตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ระหว่างวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ โดยนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมในคณะดังกล่าว
โดยเมื่อมาถึงท่าอากาศยานระนอง มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผวจ.ระนอง และข้าราชการ รอต้อนรับ จากนั้นจุดแรกเวลา 10.50 น. นายกรัฐมนตรีสักการะศาลหลักเมืองระนอง ผูกผ้าเจ็ดสีและปิดทอง และสักการะอนุสาวรีย์พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ณ ศาลหลักเมืองระนอง ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง โดยมีประชาชนมาให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบแดงให้กำลังใจ
จากนั้น เวลา 11.15 น. ณ ท่าเรือระนอง-เกาะสอง ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามประเด็นการค้าผ่านแดน แรงงานข้ามชาติ พิธีการศุลกากร ประมงและพบปะผู้แทนชาวประมงในการแก้ไขปัญหา IUU รวมถึงพบปะประชาชนกลุ่มประมง และมอบบัตรคนไทยผลัดถิ่น 14 คน ให้แก่ตัวแทนผู้รับมอบ พร้อมด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงมหาดไทย โดยมีนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำหัวหน้าส่วนราชการ นายกสมาคมประมงระนอง ผู้ประกอบการประมง และประชาชนมารอให้การต้อนรับ
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณท่าเรือระนองได้ทักทายและขอบคุณประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างอบอุ่นและพูดคุยกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง รวมทั้งพบปะกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นด้วย จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังสรุปรายงานจาก 4 หน่วยงาน (ด่านศุลกากร ด่านตรวจประมงระนองตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนอง จัดหางานจ.ระนอง) เพื่อติดตามประเด็นการค้าชายแดน แรงงานข้ามชาติ พิธีการศุลกากร การประมงการแก้ไขปัญหา IUU โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มาจังหวัดระนองครั้งแรกในรอบ 40 ปี โดยมาพร้อมกับคณะรัฐมนตรี รู้สึกซาบซึ้งกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและจริงใจของประชาชนชาวจังหวัดระนองในครั้งนี้ รวมถึงความจริงใจที่ชาวใต้มีให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี แม้จังหวัดระนองเป็นจังหวัดเล็ก แต่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ
สำหรับประเด็นเรื่องท่าเรือ ที่ได้รับฟังซึ่งมีหลากหลายมิตินั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการปรับท่าเรือระนองให้มีการยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น เพราะรัฐบาลคำนึงถึงการค้าชายแดนและการเดินทางระหว่างของนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามการปรับปรุงท่าเรืออย่างเดียวคงไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด แต่เรื่องของการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้า-ขาออก ก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะผู้ประกอบการต้องการความสะดวกสบาย one stop service เวลามาแล้วไม่ต้องเสียเวลาในการคอยหรือต้องผ่านหลาย ๆ โต๊ะ ตรงนี้ก็เป็นนโยบายของรัฐบาลนี้ที่ต้องการจะทำให้ท่าเรือระนองแห่งนี้มีความทันสมัย และมีความสะดวกสบายในการใช้
นายกรัฐมนตรียืนยันเรื่องนี้จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่จะทำให้ท่าเรือนี้ดีขึ้นเท่านั้น แต่จะดูไปถึงเรื่องของการประมงด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของการแก้ไขปัญหา IUU เกิดผลสำเร็จไปในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้สามารถปลดล็อกเรือประมงไทยให้ออกไปค้าขายดีขึ้น
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ในภาพใหญ่รัฐบาลต้องการพลิกฟื้นอาชีพประมงไทย เพราะ 9 ปีที่ผ่านมากฎหมายประมงไม่ตรงกับแนวทางปฏิบัติจริง ผู้ประกอบการประมงรายเล็ก กว่า 20,000 ราย ต้องเลิกกิจการไป รัฐบาลจึงได้ปรับ พรบ. ประมงเพิ่มเติมฯ เพื่อทำให้ประมงไทยกลับมามีรายได้และส่งออกได้มากขึ้น คนไทยได้ทานอาหารทะเลที่มีคุณภาพและราคาถูก อนุรักษ์ทะเลได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็เคารพในกติกาสากลที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ดูแลคุ้มครองแรงงานไม่ให้ผิดหลักสิทธิมนุษยชน และทำให้สินค้าประมงจากไทยโปร่งใสตรวจสอบได้
จากนั้น เวลา 13.30 น. นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ติดตามโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย – อันดามัน (Landbridge ชุมพร – ระนอง) ณ อุทยานแห่งชาติแหลมสน อ.กะเปอร์ จ.ระนอง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงมหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม และนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมด้วย
ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย – อันดามัน (Landbridge ชุมพร – ระนอง) จากทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ลงพื้นที่บริเวณนี้ พร้อมได้รับฟังการนำเสนอถึงวิธีการโดยภาพรวม รวมทั้งการคาดการณ์ว่าจะมีการถมทะเลเท่าไหร่ มีระยะห่างออกไปเท่าไหร่ และยังมีการสร้างสะพานที่มีตอม่อ ทำให้เรือประมงของพี่น้องประชาชนยังคงสามารถประกอบอาชีพได้ ทั้งนี้ ในการริเริ่มโครงการใหญ่ ๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รัฐบาลมีหน้าที่ต้องรับฟังความเห็น และชี้แจงประชาชนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ ซึ่งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่มีโครงการใหญ่ Mega Project เลย โดยในช่วงอดีต นายกรัฐมนตรี ดร. ทักษิณ มีโครงการขนาดใหญ่ที่สำเร็จและสร้างประโยชน์ให้ประเทศมหาศาล คือสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาประเทศทำให้ไทยพัฒนาถึงทุกวันนี้ได้
ทั้งนี้ โครงการ Landbridge เป็นโครงการเชื่อมโยงท่าเรือฝั่งอันดามัน บริเวณแหลมอ่าวอ่าง จังหวัดระนอง และอ่าวไทย บริเวณแหลมริ่ว จังหวัดชุมพร ด้วยเส้นทางมอเตอร์เวย์ และรถไฟทางคู่ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังระบบรถไฟในประเทศได้ เพิ่มศักยภาพการขนส่งของไทย ร่นระยะเวลาขนส่งข้ามช่องแคบมะละกาที่แออัด รองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และสามารถขยายท่าเรือ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ โครงการนี้จึงถือว่าสำคัญ เพราะจะนำความเจริญมาสู่ประเทศ สร้างแรงจูงใจให้บริษัทขนาดใหญ่ระหว่างประเทศมาตั้งฐานผลิตรถยนต์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ในไทย สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้ประเทศ
อย่างไรก็ดี สำหรับข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลจะมีการศึกษาถึงผลกระทบในขั้นต้น และต่อไปจะเริ่มศึกษาลงไปที่แหล่งน้ำพุร้อน แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ต่อไป ในส่วนของการจ้างงาน ให้มองว่าเป็นเรื่องของโอกาส โดยท่าเรือที่สร้างขึ้นมาไม่ใช่แค่ท่าเรือขนสินค้าเท่านั้น แต่รวมถึงเรือสำราญ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญทั้งเป็นของชาวระนองและจังหวัดแถบอันดามัน ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคใต้ทั้งภูมิภาค ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ในการทำ Mega Project นี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำการศึกษาอย่างละเอียดในทุกมิติควบคู่กันไป
จากนั้น เวลา 16.00 น. ณ บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน อ.เมืองระนอง จ.ระนอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เยี่ยมชมการบริหารจัดการบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยอดนิยมของจังหวัดระนอง ที่มีบ่อน้ำแร่ร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดที่มีการชูอัตลักษณ์ชุมชน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โดยนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมการบริหารจัดการบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน พร้อมทั้งเยี่ยมชมสินค้าโอทอป อาทิ กระเป๋าหนังแท้ Handay ผลิตภัณฑ์หนังวัวย้อมจากธรรมชาติ สินค้าอบแห้ง กุ้งเสียบ กุ้งอบแห้ง น้ำพริกกะปิ โรงคั่วกาแฟระนอง
ภายหลังการเยี่ยมชมฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายของรัฐบาลและวิสัยทัศน์ของเมืองในด้านการท่องเที่ยว โดยเริ่มต้นจากการวางผังแม่บทนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า คงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของชุมชน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้